ความตายฝ่ายวิญญาณและของจริงในสวรรค์ (Spiritual Death & Heavenly Things)
สารบัญหลัก (Content)
 

 

เทศนาโดย อ.สุเมธ วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน 2002

 
 
 
 
  • ตายมีกี่อย่าง (หรือกี่ประเภท) ?
  • ตั้งแต่สมัยโมเสส จนถึงปัจจุบัน มีของสำคัญมาก 2 สิ่ง ที่ใช้ในการปรนนิบัติพระเจ้า ได้หายไป ? ของทั้งสองยังอยู่บนโลกนี้หรือไม่ ?

เรื่องของพระเจ้า เป็นเรื่องลี้ลับ , ลึกลับซับซ้อน เกินความเข้าใจของมนุษย์

ตายมีกี่อย่าง ถ้าถามคนทั่วไป ก็จะตอบว่ามีอย่างเดียว แต่ในความหมายของพระเจ้า และตามที่พระคัมภีร์บันทึกไว้ ตายมี 3 อย่าง หรือ 3 ประเภท คือ

  1. ตายจากร่างกายนี้ (Physical Body Death)
  2. ตายครั้งที่สอง (Second Death)
  3. ตายฝ่ายวิญญาณ (Spiritual Death)

ตายจากร่างกาย ก็คือ แก่ตาย ที่ทั่วไปรู้จัก ตายครั้งที่สอง คือ ตกนรก , อยู่ในบึงไฟตลอดไป บันทึกไว้ในหนังสือวิวรณ์ ตายฝ่ายวิญญาณ คือ การถูกแยกจากพระเจ้า (Spiritual Death is separated man from God) ตายฝ่ายวิญญาณ ไม่ใช่วิญญาณตาย วิญญาณทุกวิญญาณไม่มีวันตาย พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า วิญญาณทุกวิญญาณออกมาจากพระเจ้า หรือหมายถึงวิญญาณทุกวิญญาณพระเจ้าเป็นผู้สร้าง วิญญาณของคนและผี ก็มาจากพระเจ้าทั้งสิ้น แต่มาดำรงในแผ่นดินโลกต่างสถานะกัน พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า พระเจ้าตั้งขอบเขตให้ทั้งคนชอบธรรมและคนบาปแสวงหาพระองค์ ที่จริงพระองค์มิได้อยู่ไกลเลย (ลองค้นอ่านดูใน โรม หรือ กิจการของอัครทูต)

ตายฝ่ายวิญญาณ เริ่มต้นตั้งแต่ตอนอาดัมล้มลง (บาปเมื่อไปเชื่อฟังงูหรือซาตาน) ก่อนหน้านี้ อาดัมมีสภาพกึ่งวิญญาณกึ่งมนุษย์ (หรือพูดได้อีกอย่างว่า อยู่ในมิติอีกมิติหนึ่ง ไม่เหมือนมิติในปัจจุบันของมนุษย์) เมื่ออาดัมเชื่อฟังซาตาน ทำให้เขาบาป และความตายฝ่ายวิญญาณได้เข้ามาครอบงำ ร่างกายที่บาปจึงเน่าเปื่อยได้ ตายฝ่ายวิญญาณเป็นลักษณะหนึ่งของลูซิเฟอร์ หรือ ซาตาน มันจึงนำอันนี้มาสู่มนุษย์ที่พระเจ้าทรงรัก

ตายฝ่ายวิญญาณคือถูกแยกจากพระเจ้า แต่พระเจ้าก็ยังต้องการมีความสัมพันธ์กับมนุษย์ (ตัวอย่างเช่น พระเจ้าทำเสื้อขนสัตว์ให้อาดัม เอวา) เพราะตายฝ่ายวิญญาณ ทำให้มนุษย์จะเข้าถึงพระเจ้าไม่ได้ด้วยวิธีธรรมดา ต้องเข้าถึงพระเจ้าได้ด้วยวิธีและข้อกำหนดของสวรรค์ คือ ต้องผ่านคนกลาง (ผู้กลาง) ตามวิธีที่พระเจ้ากำหนด จะทำตามวิธีของมนุษย์ไม่ได้ ตัวอย่างเช่น ความตายของลูกของอาโรน เมื่อเข้าไปในสถานบริสุทธิ์ มนุษย์ไม่สามารถเข้าถึงพระเจ้าได้ ด้วยวิธีการของเขาเอง เนื่องจากบาปและความตายฝ่ายวิญญาณ พระเจ้ากำหนดให้อาโรนกลบบาป ปีละครั้ง เรามักพูดกันง่ายๆว่า ลบบาป แต่ที่จริงไม่ได้ลบ เพราะบาปนั้นยังอยู่ ต้องใช้คำว่า กลบบาป บาปนั้นผลุดขึ้นมาทุกปี ทำให้พระเจ้าระลึกถึงบาปนั้นเสมอๆ อ่านใน เลวีนิติ บทที่ 16 สาระสำคัญก็คือใช้เลือดแกะประพรมหีบพันธสัญญา เหนือพระที่นั่งพระกรุณาในห้องอภิสุทธิสถาน

แต่เมื่อพระเจ้าทรงส่งพระเยซูมาเป็นลูกแกะ เพื่อชำระล้างบาปเพียงครั้งเดียว และเป็นพระโลหิตที่บริสุทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ กว่าเลือดลูกแกะ หลังจากพระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์ในวันที่ 3 (หลังจากถูกตรึงกางเขน) พระเยซูพระองค์เอง ทรงนำพระโลหิตของพระองค์ ขึ้นไปบนสวรรค์ เข้าไปในห้องอภิสุทธิสถาน เพื่อประพรมบนหีบพันธสัญญา บนแท่นบูชา เหนือพระที่นั่งพระกรุณา สิ่งที่พระเยซูทรงประพรม เป็นของจริงที่อยู่ในสวรรค์ ของจำลองจากสวรรค์คือของที่อยู่บนแผ่นดินโลก

ฮีบรู 9:23-25 (๒๓. เหตุฉะนั้น จึงจำเป็นต้องชำระล้างแบบจำลองของสวรรค์ โดยใช้เครื่องบูชาอย่างนี้ แต่ว่าของจริงจากสวรรค์นั้น ต้องชำระให้บริสุทธิ์ ด้วยเครื่องบูชาอันประเสริฐกว่าเครื่องบูชาเหล่านั้น ๒๔. เพราะว่า พระคริสต์ไม่ได้เสด็จเข้าในสถานศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ อันเป็นแบบจำลองจากของจริง แต่พระองค์ได้เสด็จไปสวรรค์นั้น เพื่อเข้าเฝ้าพระเจ้าเพื่อเราทั้งหลาย ๒๕. พระองค์ไม่ต้องทรงถวายพระองค์เองซ้ำอีก ไม่เหมือนมหาปุโรหิตที่เข้าไปในวิสุทธิสถานทุกปี และนำเอาเลือดซึ่งไม่ใช่โลหิตของตัวเองเข้าไปด้วย)

วิวรณ์ 11:19 (๑๙. แล้วพระวิหารของพระเจ้าในสวรรค์ก็เปิด ในพระวิหารนั้น เห็นมีหีบพันธสัญญาของพระองค์ แล้วก็มีสายฟ้าแลบ และเสียงต่างๆ ฟ้าร้อง แผ่นดินไหว ลูกเห็บก็ตกอย่างหนัก) หีบพันธสัญญานี้ ในภาษาฮังกฤษ ใช้คำว่า Heavenly Ark หมายถึงหีบพันธสัญญาในสวรรค์ ซึ่งเป็นของจริง ของที่เคยอยู่บนแผ่นดินโลก เป็นของจำลองจากสวรรค์

  • คำว่า Ark ในพระคัมภีร์ เป็นคำศัพท์ที่ใช้กับ 3 สิ่ง
    • หีบพันธสัญญา
    • เรือโนอาห์
    • ตะกร้า (ใส่โมเสสลอยน้ำ)

    ตกลงคำว่า Ark แปลสั้นๆง่ายๆว่า Box

ตั้งแต่สมัยเต้นนัดพบของโมเสส จนถึงปัจจุบัน มีของสำคัญมาก 2 สิ่ง ที่ใช้ในการปรนนิบัติพระเจ้า ได้หายไป ? ของทั้งสองยังอยู่บนโลกนี้หรือไม่ ?

2 สิ่งที่หายไปคือ หีบพันธสัญญา และ อูริมกับทูมมิม ภาพยนตร์สารคดีเมื่อเร็วๆนี้ บอกว่า หีบพันธสัญญาอาจจะอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินกรุงเยรูซาเล็ม ก่อนที่พระวิหารจะถูกศัตรูยึด พวกธรรมจารย์และเลวีได้นำหนีไปใต้อุโมงค์ลับ แต่อุโมงค์พังลง จนอยู่ใต้นั้นมาถึงทุกวันนี้ และหลายฝ่ายก็ไม่ยอมให้มีการขุดค้นกัน โดยเฉพาะพวกมุสลิม เท็จจริงอย่างไรมิทราบได้ ส่วนอูริมกับทูมมิม คริสเตียนบางคนอาจจะไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยินเลย ผู้เขียนเข้าใจว่าสาญสูญไปตั้งแต่สมัยซามูเอล ซามูเอลเป็นผู้ใช้อูริมกับทูมมิมเป็นคนสุดท้าย (อ่านหนังสือ อูริม(URIM)ของผู้เขียนในเว็บไซด์นี้ได้) อาจพูดได้ว่า อูริมกับทูมมิมในปัจจุบันคือพระเยซูคริสต์ อย่างเดียวกับที่พระธรรมยอห์นเขียนว่า พระวจนะทรงบังเกิดมาเป็นมนุษย์

ให้เราอ่านพระวจนะของพระเจ้าใน ยอห์น 15:4-14

๔. จงเข้าสนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในท่าน แขนงจะออกผลเองไม่ได้ นอกจากจะติดอยู่กับเถาฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ นอกจากจะเข้าสนิทอยู่ในเราฉันนั้น ๕. เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง ผู้ที่สนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก เพราะถ้าแยกจากเราแล้ว ท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย ๖. ถ้าผู้ใดมิได้เข้าสนิทอยู่ในเรา ผู้นั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนง แล้วก็เหี่ยวแห้งไป และถูกเก็บเอาไปเผาไฟ ๗. ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใด ซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น ๘. พระบิดาของเราทรงได้รับเกียรติเพราะเหตุนี้ คือ เมื่อท่านทั้งหลายเกิดผลมาก ท่านก็เป็นสาวกของเรา ๙. พระบิดาทรงรักเราฉันใด เราก็รักท่านทั้งหลายฉันนั้น จงยึดมั่นอยู่ในความรักของเรา ๑๐. ถ้าท่านทั้งหลายประพฤติตามบัญญัติของเรา ท่านก็จะยึดมั่นอยู่ในความรักของเรา เหมือนดังที่เราประพฤติตามพระบัญญัติของพระบิดา และยึดมั่นอยู่ในความรักของพระองค์ ๑๑. นี่คือ สิ่งที่เราได้บอกแก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราดำรงอยู่ในท่าน และให้ความยินดีของท่านเต็มเปี่ยม ๑๒. "พระบัญญัติของเรา คือ ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เราได้รักท่าน ๑๓. ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือ การที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตน เพื่อมิตรสหายของตน ๑๔. ถ้าท่านทั้งหลายประพฤติตามที่เราสั่งท่าน ท่านก็จะเป็นมิตรสหายของเรา