ใจของมนุษย์ล่อลวงมากกว่าทุกสิ่ง (The Heart is Deceitful Above All Things)
 
 
สารบัญหลัก (Content)

 

เทศนาโดย อ.สุเมธ วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2002

 
 
 
 

ใจของมนุษย์ล่อลวงเรามากกว่าทุกสิ่ง ข้อความนี้อยู่ในพระคัมภีร์ ใจของเราเองล่อลวงตัวเราเองมากกว่าทุกสิ่งในโลก มากกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ มากกว่าภาพยนตร์ มากกว่าโทรทัศน์ มากกว่าอะไรทุกสิ่ง

ใจ ไม่ใช่ความคิด ไม่ใช่สมอง บางท่านอาจจะยังไม่ทราบ พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า มนุษย์ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ

  1. ร่างกาย (Body)
  2. จิต (Soul) คือ อารมณ์ ความคิด สมอง
  3. วิญญาณ หรือ ใจ (Spirit or Heart)

ร่างกาย เป็นสสารถ้าพูดตามภาษาวิทยาศาสตร์ จับต้องได้ จิต อยู่ระหว่างกลาง เป็นสสารบางส่วน บางส่วนไม่เป็นสสาร จิต พูดอีกอย่างคือ อยู่ในมิติที่เราเป็นอยู่ กับอีกมิติหนึ่งที่เราไม่รู้จัก วิญญาณ หรือ ใจ แตะต้องไม่ได้ ไม่ใช่สสาร หมอหรือแพทย์เข้าถึงวิญญาณไม่ได้ และไม่สามารถสร้างเครื่องมือที่จะเข้าถึงวิญญาณได้ รัสเซียทดลองเรื่องนี้มานานเกือบ 100 ปีแล้ว หาหนังสืออ่านเอาเอง เครื่องมือไม่สามารถ Detect วิญญาณได้ ไม่มีเครื่องจับสัญญาณวิญญาณ ใจของเราหลอกลวงเรามากกว่าทุกสิ่ง เช่น

  • ในความมืดเรารู้สึกกลัวผี ถ้าในความมืดเราลองหลับตาเดิน คลำทางเอา ความกลัวอาจหายไป ใจของเราหลอกเราเอง
  • คนโรคจิต กลัวสิ่งต่างๆรอบข้าง ใจของเขาหลอกตัวเขาเอง
  • กลัวจน กลัวไม่มีเงินใช้
  • กล่าวโทษผู้อื่นคิดว่าเขาผิด แต่ตัวเองเข้าใจผิด
  • คิดว่าตัวเองมีพระเจ้า แต่ไม่มี คิดว่าตัวเองมีพระเจ้ามากกว่าคนอื่น แต่ไม่ใช่
  • คิดว่ารอดแล้ว แต่ไม่รอด
  • กลัวอุตกาบาตชนโลก
  • กลัวตาย กลัวพลัดพราก , รวย มีอำนาจ เกียรติมากอย่างไร ก็กลัวพลัดพราก จากลูกจากหลาน จากคนที่ตนเองรัก

ให้เราอ่าน ยรม 17:4-18

๔. เจ้าจะต้องปล่อยมือของเจ้าจากมรดก ซึ่งเราได้ยกให้แก่เจ้า และเราจะกระทำให้เจ้าปรนนิบัติศัตรูของเจ้าในแผ่นดิน ซึ่งเจ้าไม่รู้จัก เพราะความโกรธของเรา เราก่อไฟขึ้นซึ่งจะไหม้อยู่เป็นนิตย์"

เมื่อบุตรของพระเจ้า เมื่อคริสเตียนทำผิดในสายพระเนตรของพระเจ้า พระพรที่พระเจ้าเคยทรงประทานให้จะหลุดจากมือ

๕. พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า "คนที่วางใจในมนุษย์ และให้เนื้อหนังเป็นมือของเขา และใจของเขาหันออกจากพระเจ้า คนนั้นก็เป็นที่แช่งสาป

พระเจ้าต้องการให้บุตรของพระองค์วางใจในพระองค์ มิใช่วางในมนุษย์หรือเนื้อหนัง เพราะใจของมนุษย์จะหันไปจากพระเจ้า พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่หวงแหน

๖. เขาเป็นเหมือนพุ่มไม้ที่อยู่ในทะเลทราย และไม่เห็นความดีอันใดมาถึงเลย เขาจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่แตกระแหงที่ในถิ่นทุรกันดาร ในแผ่นดินเค็มที่ไม่มีคนอาศัย

ผู้ที่พระเจ้าละทิ้ง ก็เหมือนต้นไม้ในทะเลทราย แห้งแล้งและไม่มีคนมาพบ

๗. "คนที่วางใจในพระเจ้าย่อมได้รับพระพร คือ ผู้ที่ความวางใจของเขาอยู่ในพระเจ้า ๘. เขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำ ซึ่งหยั่งรากของมันออกไปข้างลำน้ำ เมื่อแดดส่องมาถึงก็ไม่กลัว เพราะใบของมันคงเขียวอยู่เสมอ และไม่กระวนกระวายในปีที่แห้งแล้ง เพราะมันไม่หยุดที่จะออกผล"

๙. จิตใจก็เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด มันเสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียว ผู้ใดจะรู้จักใจนั้นเล่า ๑๐. "เราคือพระเจ้าตรวจค้นดูจิต และทดลองดูใจ เพื่อให้แก่ทุกคนตามพฤติการณ์ของเขา ตามผลแห่งการกระทำของเขา"

ใจหรือวิญญาณเป็นตัวหลอกลวงเรามากที่สุด มากกว่าอย่างอื่นๆ พระเนตรของพระเจ้าจะส่ายไปมาทั่วแผ่นดินโลก เพื่อค้นหาวิญญาณหรือใจของมนุษย์ที่ยอดเยี่ยม เมื่อพบแล้ว พระองค์ก็ยังทรงทดลอง(การทดลอง)วิญญาณนั้นอีกด้วย เพื่อจะทรงประทานรางวัลให้แก่ผู้นั้น

๑๑. เหมือนนกกระทาที่รวบรวมลูกซึ่งมันมิได้ฟักฉันใด คนที่ได้ความมั่งมีมาอย่างไม่เป็นธรรมก็ฉันนั้น พอถึงกลางวัย มันก็พรากจากคนนั้นเสีย และในตอนปลายของเขา เขาจะเป็นคนโฉดเขลา

ถ้าคุณอยากร่ำรวยแบบของซาตานก็ตามใจคุณ ถ้าคุณอยากมีเงินมีทองตามที่วิญญาณชั่วมอบให้ คุณเรื่องของท่าน คริสเตียนชอบบ่นว่า ทำไมพวกเลวๆพวกนี้ถึงได้รวยเอารวยเอา ทำไมพระเจ้าไม่ทำลายชาวโลกพวกนี้ ทำไมพระเจ้ายังปล่อยคริสเตียนเลวนี้ไว้อีก พระเยซูเดินในถิ่นทุรกันดาน 40 วัน วิญญาณชั่วมาเสนออำนาจความร่ำรวยให้

๑๒. ที่ตั้งแห่งสถานศักดิ์สิทธิ์ของเราทั้งหลาย เป็นพระที่นั่งรุ่งเรืองซึ่งตั้งอยู่สูงตั้งแต่เดิมนั้น ๑๓. ข้าแต่พระเจ้า ความหวังแห่งอิสราเอล บรรดาคนเหล่านั้นที่ละทิ้งพระองค์จะต้องรับความอับอาย บรรดาคนทั้งปวงที่หันไปจากพระองค์จะต้องจารึกไว้ในแผ่นดินโลก เพราะเขาได้ละทิ้งพระเจ้าผู้เป็นแหล่งน้ำแห่งชีวิตเสีย ๑๔. ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงรักษาข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะได้หาย ขอทรงช่วยข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงจะรอด เพราะพระองค์เป็นที่สรรเสริญของข้าพระองค์

๑๕. ดูเถิด เขาทั้งหลายได้พูดกับข้าพระองค์ว่า "พระวจนะของพระเจ้าอยู่ที่ไหน ให้มาเถิด"

ที่จริงประโยคท้ายควรแปลว่า ให้มาเดี๋ยวนี้ คริสเตียนทุกวันนี้ หรือผู้เชื่อในพระคริสต์ ยังไม่ต้องรวมถึงผู้ที่ไม่ได้รับเชื่อ ไม่ค่อยเชื่อคำเผยพระวจนะ อธิบายให้ชัดกว่านี้คือ ไม่เชื่อว่าพระเจ้าพูดผ่านมนุษย์ได้ (แน่นอนต้องมีการวินิจฉัยคำเผยฯด้วย) ไม่เชื่อเรื่องวิญญาณ คริสเตียนพวกนี้เขาเชื่อได้อย่างไรว่า คนๆหนึ่งนำไปตรึงกางเขนแล้วลบล้างบาปของคนอื่นๆได้ คริสเตียนเหล่านี้ถ้าอยู่ในยุคย้อนไปสมัยพระเยซู พวกเขาก็คือพวกฟาริสี ฟาริซาย

๑๖. ข้าพระองค์มิได้คาดคั้นให้พระองค์ส่งเหตุร้าย ข้าพระองค์ก็ไม่ประสงค์วันแห่งความหายนะ พระองค์ทรงทราบแล้ว สิ่งซึ่งออกมาจากริมฝีปากของข้าพระองค์ ก็อยู่ต่อพระพักตร์ของพระองค์ ๑๗. ขออย่าทรงเป็นเหตุให้ข้าพระองค์ครั่นคร้าม พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยแห่งข้าพระองค์ในวันร้าย ๑๘. ผู้ใดข่มเหงข้าพระองค์ขอให้เขาได้รับความละอาย แต่ขออย่าให้ข้าพระองค์ได้รับความละอาย ขอให้เขาครั่นคร้าม แต่อย่าให้ข้าพระองค์ครั่นคร้าม ขอทรงนำวันร้ายมาตกเหนือเขา ขอทรงทำลายเขาด้วยการทำลายซับซ้อน