พระพร 10 ประการในอนาคตสำหรับความรอด (Ten Future Blessing of Salvation)
สารบัญหลัก (Content)
 

 

เทศนาโดย อ.สุเมธ วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2006

 
 
 
 

อ่าน 1 ปต 1:3-25

ความหวังที่ยังดำรงอยู่

สาธุการแด่พระเจ้าพระบิดาแห่งพระเยซูคริสตเจ้าของเรา ผู้ได้ทรงพระมหากรุณาแก่เรา ทรงโปรดให้เราบังเกิดใหม่ เข้าสู่ความหวังใจอันมีชีวิตอยู่ โดยการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ๔. และเพื่อให้ได้รับมรดกซึ่งไม่รู้เปื่อยเน่า ปราศจากมลทิน และไม่ร่วงโรยซึ่งได้เตรียมไว้ในสวรรค์ เพื่อท่านทั้งหลาย ๕. ซึ่งเป็นผู้ที่ฤทธิ์เดชของพระเจ้า ได้ทรงคุ้มครองไว้ด้วยความเชื่อให้ถึงความรอด ซึ่งพร้อมแล้วที่จะปรากฏในวาระสุดท้าย ๖. ในความรอดนั้น ท่านทั้งหลายชื่นชมยินดี ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้ จำเป็นที่ท่านจะต้องทนทุกข์ทรมานชั่วขณะหนึ่ง ในการถูกทดลองต่างๆ ๗. เพื่อการลองดูความเชื่อของท่าน อันประเสริฐยิ่งกว่าทองคำ ซึ่งแม้เสียไปได้ก็ยังถูกลองด้วยไฟ จะได้เป็นเหตุให้เกิดความสรรเสริญ เกิดศักดิ์ศรีและเกียรติ ในเวลาที่พระเยซูคริสต์จะเสด็จมาปรากฏ ๘. พระองค์ผู้ที่ท่านทั้งหลายยังไม่ได้เห็น แต่ท่านยังรักพระองค์อยู่ แม้ว่าขณะนี้ท่านไม่เห็นพระองค์ แต่ท่านยังเชื่อ และชื่นชม ด้วยความปีติยินดีเป็นล้นพ้นเหลือที่จะกล่าวได้ ๙. แล้ววิญญาณจิตของท่านทั้งหลาย จึงได้รับความรอดเป็นผลแห่งความเชื่อ ๑๐. บรรดาผู้เผยพระวจนะผู้ได้พยากรณ์ถึงพระคุณซึ่งจะบังเกิดแก่ท่านทั้งหลาย ก็ได้สืบค้น และสอบถามเกี่ยวกับเรื่องความรอดนี้ ๑๑. เขาได้สืบค้นหาบุคคล และเวลาซึ่งพระวิญญาณของพระคริสต์ผู้ทรงสถิตอยู่ในตัวเขาได้ทรงบ่งไว้ เมื่อเขาได้ทำนายถึงความทุกข์ทรมานของพระคริสต์ และถึงพระสิริที่จะมาภายหลัง ๑๒. ก็ทรงโปรดเผยให้ผู้เผยพระวจนะเหล่านั้นทราบว่า ที่เขาเหล่านั้นได้ปรนนิบัติในเหตุการณ์ทั้งปวงนั้น ไม่ใช่สำหรับเขาเอง แต่สำหรับท่านทั้งหลาย บัดนี้คนเหล่านั้นที่ประกาศข่าวประเสริฐแก่ท่านทั้งหลาย ก็ได้กล่าวสิ่งเหล่านั้นแก่ท่านแล้ว โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงโปรดประทานจากสวรรค์ เป็นสิ่งซึ่งพวกทูตสวรรค์ปรารถนาจะได้ดู

ทรงบัญชาให้ดำรงชีวิตอย่างบริสุทธิ์

๑๓. เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงเตรียมตัวเตรียมใจของท่านไว้ให้ดี และจงข่มใจ ตั้งความหวังให้เต็มเปี่ยมในพระคุณ คือ พระคุณซึ่งจะทรงโปรดประทานแก่ท่าน เมื่อพระเยซูคริสต์จะทรงสำแดงพระองค์ ๑๔. โดยที่ท่านเป็นบุตรที่เชื่อฟัง ขออย่าได้ประพฤติตามกิเลสตัณหา อย่างที่เกิดจากความโง่เขลาของท่านในกาลก่อน ๑๕. แต่เพราะพระองค์ผู้ทรงเรียกท่านทั้งหลายนั้นบริสุทธิ์ ท่านทั้งหลายจงประพฤติให้บริสุทธิ์พร้อมทุกประการ ๑๖. ดังที่มีพระวจนะเขียนไว้แล้วว่า ท่านทั้งหลายจงเป็นคนบริสุทธิ์ เพราะเราบริสุทธิ์ ๑๗. และถ้าท่านอธิษฐานขอต่อพระองค์ เรียกพระองค์ว่า พระบิดา ผู้ทรงพิพากษาทุกคนตามการกระทำของเขา โดยไม่มีอคติ จงประพฤติตนด้วยความยำเกรงตลอดเวลาที่ท่านอยู่ในโลกนี้ ๑๘. ท่านรู้ว่า พระองค์ได้ทรงไถ่ท่านทั้งหลาย ออกจากการประพฤติอันหาสาระมิได้ ซึ่งท่านได้รับต่อจากบรรพบุรุษของท่าน มิใช่ไถ่ไว้ด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายได้ เช่น เงินและทอง ๑๙. แต่ทรงไถ่ด้วยพระโลหิตประเสริฐของพระคริสต์ ดังเลือดลูกแกะที่ปราศจากตำหนิ หรือจุดด่าง ๒๐. แท้จริง พระเจ้าได้ทรงกำหนดพระคริสต์นั้นไว้ก่อนทรงสร้างโลก แต่ทรงให้พระคริสต์ปรากฏพระองค์ในวาระสุดท้ายนี้ เพื่อท่านทั้งหลาย ๒๑. เพราะพระคริสต์ท่านจึงวางใจในพระเจ้า ผู้ทรงชุบพระคริสต์ให้ฟื้นจากความตาย และทรงประทานพระเกียรติแก่พระองค์ เพื่อให้ความเชื่อ และความหวังใจของท่านดำรงอยู่ในพระเจ้า ๒๒. ที่ท่านทั้งหลาย ได้ชำระจิตใจของท่านให้บริสุทธิ์แล้ว ด้วยการเชื่อฟังความจริง จนมีใจรักพวกพี่น้องอย่างจริงใจ ท่านทั้งหลายจงรักกันให้มากด้วยน้ำใสใจจริง ๒๓. ท่านทั้งหลายได้บังเกิดใหม่แล้ว ไม่ใช่จากพันธุ์มตะ แต่จากพันธุ์อมตะ คือ ด้วยพระวจนะของพระเจ้าอันทรงชีวิตและดำรงอยู่ ๒๔. เพราะว่า บรรดาเนื้อหนังก็เป็นเสมือนต้นหญ้า และบรรดาศักดิ์ศรีของเขาก็เป็นเสมือนดอกหญ้า ต้นหญ้าเหี่ยวแห้งไป และดอกก็ร่วงโรยไป ๒๕. แต่พระวจนะของพระเจ้ายังยืนอยู่เป็นนิตย์ พระวจนะนั้น คือ ข่าวประเสริฐที่ได้ประกาศให้ท่านทั้งหลายทราบแล้ว

1 Peter 1:3 Blessed be the God and Father of our Lord Jesus Christ, which according to his abundant mercy hath begotten us again unto a lively hope by the resurrection of Jesus Christ from the dead, 1:4 To an inheritance incorruptible, and undefiled, and that fadeth not away, reserved in heaven for you, 1:5 Who are kept by the power of God through faith unto salvation ready to be revealed in the last time. 1:6 Wherein ye greatly rejoice, though now for a season, if need be, ye are in heaviness through manifold temptations: 1:7 That the trial of your faith, being much more precious than of gold that perisheth, though it be tried with fire, might be found unto praise and honour and glory at the appearing of Jesus Christ: 1:8 Whom having not seen, ye love; in whom, though now ye see him not, yet believing, ye rejoice with joy unspeakable and full of glory: 1:9 Receiving the end of your faith, even the salvation of your souls. 1:10 Of which salvation the prophets have enquired and searched diligently, who prophesied of the grace that should come unto you: 1:11 Searching what, or what manner of time the Spirit of Christ which was in them did signify, when it testified beforehand the sufferings of Christ, and the glory that should follow. 1:12 Unto whom it was revealed, that not unto themselves, but unto us they did minister the things, which are now reported unto you by them that have preached the gospel unto you with the Holy Ghost sent down from heaven; which things the angels desire to look into. 1:13 Wherefore gird up the loins of your mind, be sober, and hope to the end for the grace that is to be brought unto you at the revelation of Jesus Christ; 1:14 As obedient children, not fashioning yourselves according to the former lusts in your ignorance: 1:15 But as he which hath called you is holy, so be ye holy in all manner of conversation; 1:16 Because it is written, Be ye holy; for I am holy. 1:17 And if ye call on the Father, who without respect of persons judgeth according to every man's work, pass the time of your sojourning here in fear: 1:18 Forasmuch as ye know that ye were not redeemed with corruptible things, as silver and gold, from your vain conversation received by tradition from your fathers; 1:19 But with the precious blood of Christ, as of a lamb without blemish and without spot: 1:20 Who verily was foreordained before the foundation of the world, but was manifest in these last times for you, 1:21 Who by him do believe in God, that raised him up from the dead, and gave him glory; that your faith and hope might be in God. 1:22 Seeing ye have purified your souls in obeying the truth through the Spirit unto unfeigned love of the brethren, see that ye love one another with a pure heart fervently: 1:23 Being born again, not of corruptible seed, but of incorruptible, by the word of God, which liveth and abideth for ever. 1:24 For all flesh is as grass, and all the glory of man as the flower of grass. The grass withereth, and the flower thereof falleth away: 1:25 But the word of the Lord endureth for ever. And this is the word which by the gospel is preached unto you.

สังเกตว่า หัวข้อเรื่องเขียนว่า พระพร 10 ประการในอนาคตสำหรับความรอด ไม่ได้เขียนว่า สำหรับผู้ที่จะได้รับความรอด หมายถึงทุกสรรพสิ่งที่จะได้รับความรอด ไม่ใช่เฉพาะมนุษย์ หรือ อาจจะพูดได้ว่า พระพรเมื่อถึงวาระสุดท้าย

1. ไถ่ร่างกาย (Redemption of the body)

โรม 8:23 และไม่ใช่เท่านั้น แต่เราทั้งหลายเองด้วย ผู้ได้รับพระวิญญาณเป็นผลแรก ตัวเราเองก็ยังคร่ำครวญคอยการที่พระเจ้าทรงให้เป็นบุตร คือที่จะทรงให้กายของเราทั้งหลายรอดตาย Romans 8:23 And not only they, but ourselves also, which have the firstfruits of the Spirit, even we ourselves groan within ourselves, waiting for the adoption, to wit, the redemption of our body.

เราประกอบด้วย วิญญาณ จิต และ ร่างกาย เมื่อพระเยซูคริสต์ทรงไถ่บาปเรา โดยพลีพระชนม์บนไม้กางเขน เป็นการไถ่บาปของเราออกจากความตาย วิญญาณของเราได้รับการไถ่บาป จิต และ ร่างกาย ยังไม่ได้รับการไถ่ ยังไม่รอด

2. ไถ่บรรดาสรรพสิ่งทั้งหลาย (Redemption of all creatures)

อ้างถึง รม 8:19-24 , กจ 13:47 , อสย 11:6-9

รม 8:19-24 ด้วยว่า สรรพสิ่งที่ทรงสร้างแล้ว มีความเพียรคอยท่าปรารถนาให้บุตรทั้งหลายของพระเจ้าปรากฏ ๒๐. เพราะว่า สรรพสิ่งเหล่านั้นต้องเข้าอยู่ในอำนาจของอนิจจัง ไม่ใช่ตามใจชอบของตนเอง แต่เป็นไปตามที่พระเจ้าได้ทรงให้เข้าอยู่นั้น ๒๑. ด้วยมีความหวังใจว่า สรรพสิ่งเหล่านั้นจะได้รอดจากอำนาจแห่งความเสื่อมสลาย และจะเข้าในเสรีภาพ และศักดิ์ศรีแห่งบุตรทั้งหลายของพระเจ้า ๒๒. เรารู้อยู่ว่า บรรดาสรรพสิ่งที่ทรงสร้างนั้นกำลังคร่ำครวญ และผจญความทุกข์ยากด้วยกันมาจนทุกวันนี้ ๒๓. และไม่ใช่เท่านั้น แต่เราทั้งหลายเองด้วย ผู้ได้รับพระวิญญาณเป็นผลแรก ตัวเราเองก็ยังคร่ำครวญคอยการที่พระเจ้าทรงให้เป็นบุตร คือที่จะทรงให้กายของเราทั้งหลายรอดตาย ๒๔. เหตุว่า เราทั้งหลายรอด แม้เป็นเพียงความหวังใจ แต่ความหวังใจในสิ่งที่เราเห็นได้ หาเป็นความหวังใจไม่ ด้วยว่าใครเล่าจะยังหวังในสิ่งที่เขาเห็น

Romans 8:19 For the earnest expectation of the creature waiteth for the manifestation of the sons of God. 8:20 For the creature was made subject to vanity, not willingly, but by reason of him who hath subjected the same in hope, 8:21 Because the creature itself also shall be delivered from the bondage of corruption into the glorious liberty of the children of God. 8:22 For we know that the whole creation groaneth and travaileth in pain together until now. 8:23 And not only they, but ourselves also, which have the firstfruits of the Spirit, even we ourselves groan within ourselves, waiting for the adoption, to wit, the redemption of our body. 8:24 For we are saved by hope: but hope that is seen is not hope: for what a man seeth, why doth he yet hope for?

อสย 11:6-9 ๖. สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ และเสือดาวจะนอนอยู่กับลูกแพะ ลูกโคกับสิงห์หนุ่มจะหากินอยู่ด้วยกัน และเด็กเล็กๆ จะนำมันไป ๗. แม่โคกับหมีจะกินด้วยกัน ลูกของมันก็จะนอนอยู่ด้วยกัน และสิงห์จะกินฟางเหมือนวัวผู้ ๘. และทารกกินนมจะเล่นอยู่ที่ปากรูงูเห่า และเด็กที่หย่านมจะเอามือวางบนรังของงูทับทาง ๙. สัตว์เหล่านั้นจะไม่ทำให้เจ็บ หรือจะทำลาย ทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา เพราะว่าแผ่นดินโลก {หรือ แผ่นดิน} จะเต็มไปด้วยความรู้เรื่องของพระเจ้า ดั่งน้ำปกคลุมทะเลอยู่นั้น ๖. สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ และเสือดาวจะนอนอยู่กับลูกแพะ ลูกโคกับสิงห์หนุ่มจะหากินอยู่ด้วยกัน และเด็กเล็กๆ จะนำมันไป ๗. แม่โคกับหมีจะกินด้วยกัน ลูกของมันก็จะนอนอยู่ด้วยกัน และสิงห์จะกินฟางเหมือนวัวผู้ ๘. และทารกกินนมจะเล่นอยู่ที่ปากรูงูเห่า และเด็กที่หย่านมจะเอามือวางบนรังของงูทับทาง ๙. สัตว์เหล่านั้นจะไม่ทำให้เจ็บ หรือจะทำลาย ทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา เพราะว่าแผ่นดินโลก {หรือ แผ่นดิน} จะเต็มไปด้วยความรู้เรื่องของพระเจ้า ดั่งน้ำปกคลุมทะเลอยู่นั้น

Isaiah 11:6 The wolf also shall dwell with the lamb, and the leopard shall lie down with the kid; and the calf and the young lion and the fatling together; and a little child shall lead them. 11:7 And the cow and the bear shall feed; their young ones shall lie down together: and the lion shall eat straw like the ox. 11:8 And the sucking child shall play on the hole of the asp, and the weaned child shall put his hand on the cockatrice' den. 11:9 They shall not hurt nor destroy in all my holy mountain: for the earth shall be full of the knowledge of the LORD, as the waters cover the sea.

3. ชีวิตนิรันดร์ที่ไม่ถูกปรับโทษ (Unforfeitable eternal life)

อ้างพระคัมภีร์ มธ 19:29 , มก 10:30 , ลก 18:30 , กท 6:7-8

4. ชัยชนะขั้นสุดท้ายเหนือซาตาน (Final defeat of Satan)

อ้าง วว 12:10 , วว 20:1-10 , อสย 24:21-22 , อสย 25:7-8

วว 20:1-10 แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่ง ลงมาจากสวรรค์ ท่านถือลูกกุญแจของบาดาลนั้น และถือโซ่ใหญ่ ๒. และท่านได้จับพญานาคซึ่งเป็นงูดึกดำบรรพ์ ผู้ซึ่งเป็นพญามาร และซาตาน และมัดมันไว้พันปี ๓. แล้วทิ้งมันลงไปในบาดาลนั้น แล้วได้ลั่นกุญแจประทับตรา เพื่อไม่ให้มันล่อลองบรรดาประชาชนได้อีกต่อไป จนครบกำหนดพันปีแล้วจึงจะต้องปล่อยมันออกไปชั่วขณะหนึ่ง ๔. ข้าพเจ้าได้เห็นบัลลังก์หลายบัลลังก์ และผู้ที่นั่งบนบัลลังก์นั้น เป็นผู้ที่จะพิพากษา และข้าพเจ้ายังได้เห็นดวงวิญญาณของคนทั้งปวง ที่ถูกตัดศีรษะ เพราะเป็นพยานของพระเยซู และเพราะพระวจนะของพระเจ้า และผู้ที่ไม่ได้บูชาสัตว์ร้ายนั้น หรือรูปของมัน และไม่ได้ติดเครื่องหมายของมัน ไว้ที่หน้าผาก หรือที่มือของเขา คนเหล่านั้นกลับมีชีวิตขึ้นมาใหม่ และได้ครอบครองร่วมกับพระคริสต์เป็นเวลาพันปี ๕. นอกจากคนเหล่านี้คนอื่นๆ ที่ตายแล้ว ไม่ได้กลับมีชีวิตอีกจนกว่าจะครบกำหนดพันปี นี่แหละ คือ การฟื้นจากความตายครั้งแรก ๖. ผู้ใดที่ได้มีส่วนในการฟื้นจากความตายครั้งแรก ก็เป็นสุข และบริสุทธิ์ ความตายครั้งที่สองจะไม่มีอำนาจเหนือคนเหล่านั้น แต่เขาจะเป็นปุโรหิตของพระเจ้า และของพระคริสต์ และจะครอบครองร่วมกับพระองค์ตลอดเวลาพันปี ๗. ครั้นพันปีล่วงไปแล้ว ก็จะปล่อยซาตานออกจากคุกที่ขังมันไว้ ๘. และมันจะออกไปล่อลวงบรรดาประชาชาติทั้งสี่ทิศของแผ่นดินโลก คือ โกก และมาโกก ให้คนมาชุมนุมกันทำศึกสงคราม จำนวนคนเหล่านั้นมากมาย ดุจเม็ดทรายที่ทะเล ๙. และคนเหล่านั้นยกขบวนออกไปทั่วแผ่นดินโลก และล้อมกองทัพของพวกธรรมิกชน และนครอันเป็นที่รักนั้นไว้ แต่ไฟได้ตกลงมาจากสวรรค์ เผาผลาญคนเหล่านั้น ๑๐. ส่วนพญามารที่ล่อลวงเขาเหล่านั้น ก็ถูกโยนลงไปในบึงไฟ และกำมะถัน ที่สัตว์ร้าย และคนที่ปลอมตัวเป็นผู้เผยพระวจนะตกอยู่ในนั้น และมันต้องทนทุกข์ทรมานทั้งกลางวัน และกลางคืนตลอดไปเป็นนิตย์

5. กบฏทั้งสิ้นถูกปราบ และ คำสาปแช่งถูกยกเลิก (All rebellion put down and cancelation of curse)

อ้าง วว 22:3 , 1 คร 15:24-28

วว 22:3 จะไม่มีสิ่งใดถูกสาปแช่งอีกต่อไป พระที่นั่งของพระเจ้า และของพระเมษโปดกจะตั้งอยู่ที่นั่น และบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์จะนมัสการพระองค์ Revelation 22:3 And there shall be no more curse: but the throne of God and of the Lamb shall be in it; and his servants shall serve him:

1 คร 15:24-28 ต่อจากนั้นจะเป็นวาระที่สุด บัดนั้นพระคริสต์จะทรงมอบแผ่นดินไว้แก่พระบิดาเจ้า เมื่อพระองค์จะได้ทรงทำลายเทพผู้ครอง ศักดิเทพ และอิทธิเทพหมดแล้ว ๒๕. เพราะว่า พระองค์จะต้องทรงปกครองอยู่ก่อน จนกว่าพระองค์จะได้ทรงปราบศัตรูทั้งสิ้น ให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์ ๒๖. ศัตรูตัวสุดท้ายที่พระองค์จะทรงทำลายนั้นก็คือ ความตาย ๒๗. เพราะว่า พระองค์ทรงปราบสิ่งสารพัดลงใต้พระบาทของพระองค์แล้ว แต่เมื่อพระคัมภีร์กล่าวว่า ทรงปราบสิ่งสารพัดลงนั้น ก็เป็นที่ทราบชัดว่า ยกเว้นองค์พระเจ้าผู้ทรงปราบสิ่งสารพัดให้อยู่ใต้พระองค์ ๒๘. เมื่อสิ่งสารพัดถูกปราบให้อยู่ใต้พระองค์แล้ว เมื่อนั้นองค์พระบุตรก็จะอยู่ใต้พระเจ้า ผู้ทรงปราบสิ่งสารพัดให้อยู่ใต้พระองค์ เพื่อพระเจ้าจะทรงเป็นเอกเป็นใหญ่ในสิ่งสารพัดทั้งปวง 1 Corinthians 15:24 Then cometh the end, when he shall have delivered up the kingdom to God, even the Father; when he shall have put down all rule and all authority and power. 15:25 For he must reign, till he hath put all enemies under his feet. 15:26 The last enemy that shall be destroyed is death. 15:27 For he hath put all things under his feet. But when he saith all things are put under him, it is manifest that he is excepted, which did put all things under him. 15:28 And when all things shall be subdued unto him, then shall the Son also himself be subject unto him that put all things under him, that God may be all in all.

6. รวมสวรรค์กับแผ่นดินโลก (Uniting of heaven and earth)

อฟ 1:10 ประสงค์ว่า เมื่อเวลากำหนดครบบริบูรณ์แล้ว พระองค์จะทรงรวบรวมทุกสิ่ง ทั้งที่อยู่ในสวรรค์ และในแผ่นดินโลกไว้ในพระคริสต์ Ephesians 1:10 That in the dispensation of the fulness of times he might gather together in one all things in Christ, both which are in heaven, and which are on earth; even in him:

7. ลบบาปอย่างสมบูรณ์ , ความเจ็บป่วยหมดไปอย่างสมบูรณ์ ,ไม่มีความตายอีกต่อไป และกำจัดผลพวงทั้งสิ้นของกบฏอย่างสมบูรณ์ (Complete removal of sin , sickness , death , and all effects of rebellion)

อ้างอิง วว 21:3-5 , 1 คร 15:24-28

วว 21:3-5 ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังมาจากพระที่นั่ง ว่า "ดูเถิด พลับพลาของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว พระองค์จะทรงสถิตกับเขา เขาจะเป็นชนชาติของพระองค์ และพระเจ้าเองจะประทับอยู่กับเขา {สำเนาโบราณบางฉบับ เพิ่มคำว่า และจะทรงเป็นพระเจ้า} ๔. พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆ หยดจากตาของเขา ความตายจะไม่มีอีกต่อไป การคร่ำครวญ การร้องไห้ และการเจ็บปวด จะไม่มีอีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว" ๕. พระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่ง ตรัสว่า "ดูเถิด เราสร้างสิ่งสารพัดขึ้นใหม่" และพระองค์ตรัสอีกว่า "จงเขียนไว้เถิด เพราะว่าถ้อยคำเหล่านี้ เป็นคำสัตย์ซื่อ และสัตย์จริง" Revelation 21:3 And I heard a great voice out of heaven saying, Behold, the tabernacle of God is with men, and he will dwell with them, and they shall be his people, and God himself shall be with them, and be their God. 21:4 And God shall wipe away all tears from their eyes; and there shall be no more death, neither sorrow, nor crying, neither shall there be any more pain: for the former things are passed away. 21:5 And he that sat upon the throne said, Behold, I make all things new. And he said unto me, Write: for these words are true and faithful.

8. ปรับปรุง(สร้างขึ้นใหม่)สวรรค์และแผ่นดินโลกใหม่ ให้ไปสู่ขั้นที่สมบูรณ์ขึ้น (Renewal of the heavens and earth to a perfect state)

อ้างอิง วว 21-22 , 2 ปต 3:10-13 , รม 8:19-25 , ฮบ 1:10-12 , ฮบ 12:25-28

ฮบ 1:10-12 และองค์พระผู้เป็นเจ้าเจ้าข้า ในเบื้องต้น พระองค์ทรงสร้างแผ่นดินโลก และฟ้าสวรรค์เป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ ๑๑. สิ่งเหล่านี้จะพินาศ แต่พระองค์ทรงดำรงอยู่ สิ่งเหล่านี้จะเก่าไปเหมือนเครื่องนุ่งห่ม ๑๒. พระองค์ทรงม้วนสิ่งเหล่านั้นไว้ดุจผ้าคลุม และสิ่งเหล่านั้นก็จะเปลี่ยนแปลงไป {สำเนาต้นฉบับบางฉบับว่า พระองค์ทรงเปลี่ยนมันดุจเสื้อ} แต่พระองค์ยังทรงเป็นอย่างเดิม และปีเดือนของพระองค์ไม่สิ้นสุด Hebrews 1:10 And, Thou, Lord, in the beginning hast laid the foundation of the earth; and the heavens are the works of thine hands: 1:11 They shall perish; but thou remainest; and they all shall wax old as doth a garment; 1:12 And as a vesture shalt thou fold them up, and they shall be changed: but thou art the same, and thy years shall not fail.

9. มนุษย์ธรรมชาติ , สัตว์ และ ทุกสรรพสิ่ง จะดำรงต่อไปอย่างนิรันดร์ เหมือนกับว่ามนุษย์ไม่เคยมีบาปเลย (Eternal continuation of natural peoples, animals and all things as would have been if man had not sinned)

อ้าง ปฐม 8:22 , ปฐม 9:12 , อสย 11:6-9 , อสย 65:17-25 , รม 8:20-25

ปฐม 8:20-22 โนอาห์สร้างแท่นบูชาพระเจ้า และเลือกเอาสัตว์ และนกประเภทไม่มลทินบางตัว มาเผาบูชาถวายที่แท่นนั้น ๒๑. พระเจ้าทรงได้กลิ่นที่พอพระทัยแล้ว ทรงดำริในพระทัยว่า "เราจะไม่สาปแผ่นดินอีกต่อไป แม้ว่ามนุษย์ไม่ดี ถึงเค้าความคิดในใจของมนุษย์ล้วนแต่ชั่วตั้งแต่เด็กมา เราจะไม่ประหารสิ่งทั้งหลายที่มีชีวิต เหมือนอย่างที่เราได้กระทำแล้วนั้นอีก ๒๒. โลกยังดำรงอยู่ตราบใด จะมีฤดูหว่านกับฤดูเกี่ยว เวลาเย็นกับเวลาร้อน ฤดูร้อนกับฤดูหนาว และมีวันและคืนเรื่อยไปตราบนั้น" Genesis 8:20 And Noah builded an altar unto the LORD; and took of every clean beast, and of every clean fowl, and offered burnt offerings on the altar. 8:21 And the LORD smelled a sweet savour; and the LORD said in his heart, I will not again curse the ground any more for man's sake; for the imagination of man's heart is evil from his youth; neither will I again smite any more every thing living, as I have done. 8:22 While the earth remaineth, seedtime and harvest, and cold and heat, and summer and winter, and day and night shall not cease.

อสย 65:17-25 ฟ้าสวรรค์ใหม่ และแผ่นดินโลกใหม่ ๑๗. "เพราะดูเถิด เราจะสร้างฟ้าสวรรค์ใหม่ และแผ่นดินโลกใหม่ เพราะสิ่งเก่าก่อนนั้นจะไม่จำกัน หรือนึกได้อีก ๑๘. แต่จงชื่นบาน และเปรมปรีดิ์เป็นนิตย์ ในสิ่งซึ่งเราสร้างขึ้น เพราะดูเถิด เราสร้างเยรูซาเล็มให้เป็นที่เปรมปรีดิ์ และชนชาติของเมืองนั้นให้เป็นความชื่นบาน ๑๙. เราจะเปรมปรีดิ์ด้วยเยรูซาเล็ม และชื่นบานด้วยชนชาติของเรา จะไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ในเมืองนั้นอีก และเสียงครวญคราง ๒๐. ในนั้นจะไม่มี ทารกที่มีชีวิตเพียงสองสามวัน หรือคนแก่ที่มีอายุไม่ครบกำหนด เพราะเด็กมักจะมีอายุหนึ่งร้อยปีจึงตาย และคนบาปที่มีอายุเพียงหนึ่งร้อยปีจะเป็นที่แช่ง ๒๑. เขาจะสร้างบ้าน และเข้าอาศัยอยู่ในนั้น เขาจะปลูกสวนองุ่น และกินผลของมัน ๒๒. เขาจะไม่สร้าง และคนอื่นเข้าอาศัยอยู่ เขาจะไม่ปลูก และคนอื่นกิน เพราะอายุชนชาติของเราจะเป็นเหมือนอายุของต้นไม้ และผู้เลือกสรรของเราจะใช้ผลงานน้ำมือของเขานาน ๒๓. เขาทั้งหลายจะไม่ทำงานโดยเปล่าประโยชน์ หรือคลอดบุตรเพื่อความสยดสยอง เพราะเขาเป็นลูกหลานของผู้ที่ได้รับพรของพระเจ้า กับลูกๆ ของเขาด้วย ๒๔. ก่อนที่เขาร้องเรียก เราจะตอบ ขณะที่เขายังพูดอยู่ เราจะฟัง ๒๕. สุนัขป่า และลูกแกะจะหากินอยู่ด้วยกัน สิงห์จะกินฟางเหมือนวัว และผงคลีจะเป็นอาหารของงู มันทั้งหลายจะไม่ทำอันตราย หรือทำลาย ทั่วภูเขาบริสุทธิ์ของเรา" พระเจ้าตรัสดังนี้

Isaiah 65:17 For, behold, I create new heavens and a new earth: and the former shall not be remembered, nor come into mind. 65:18 But be ye glad and rejoice for ever in that which I create: for, behold, I create Jerusalem a rejoicing, and her people a joy. 65:19 And I will rejoice in Jerusalem, and joy in my people: and the voice of weeping shall be no more heard in her, nor the voice of crying. 65:20 There shall be no more thence an infant of days, nor an old man that hath not filled his days: for the child shall die an hundred years old; but the sinner being an hundred years old shall be accursed. 65:21 And they shall build houses, and inhabit them; and they shall plant vineyards, and eat the fruit of them. 65:22 They shall not build, and another inhabit; they shall not plant, and another eat: for as the days of a tree are the days of my people, and mine elect shall long enjoy the work of their hands. 65:23 They shall not labour in vain, nor bring forth for trouble; for they are the seed of the blessed of the LORD, and their offspring with them. 65:24 And it shall come to pass, that before they call, I will answer; and while they are yet speaking, I will hear. 65:25 The wolf and the lamb shall feed together, and the lion shall eat straw like the bullock: and dust shall be the serpent's meat. They shall not hurt nor destroy in all my holy mountain, saith the LORD.

10. อาณาจักรนิรันดร์ของพระคริสต์และของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก (Eternal kingdom of Christ and of God on earth)

อ้างอิง อสย 9:6-7 , ดนล 2:44-45 , ดนล 7:13-14 , ลก 1:32-33 , วว 11:15 , วว 22:4-5

วว 11:15 และทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดก็เป่าแตรขึ้น และมีเสียงหลายๆ เสียงกล่าวขึ้นดังๆ ในสวรรค์ว่า "ราชอาณาจักรแห่งพิภพนี้ ได้กลับเป็นราชอาณาจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และเป็นของพระคริสต์ของพระองค์ และพระองค์จะทรงครอบครองตลอดไปเป็นนิตย์" Revelation 11:15 And the seventh angel sounded; and there were great voices in heaven, saying, The kingdoms of this world are become the kingdoms of our Lord, and of his Christ; and he shall reign for ever and ever.