ปรนนิบัติพระเจ้า (Ministering to the Lord) ตอนที่ 2(part 2)
สารบัญหลัก (Content)
 

 

เทศนาโดย อ.สุเมธ วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2003

 
 
 
 

อสย 43:10-13 พระเจ้าตรัสว่า "เจ้าทั้งหลายเป็นพยานของเรา และเป็นผู้รับใช้ของเรา ซึ่งเราได้เลือกไว้แล้ว เพื่อเจ้าจะรู้จัก และเชื่อถือเรา และเข้าใจว่าเราเป็นผู้นั้นแหละ ก่อนหน้าเรา ไม่มีพระใดถูกปั้นขึ้น และภายหลังเราก็จะไม่มี เรา เราคือพระเจ้า และนอกจากเราไม่มีพระเจ้าผู้ช่วยให้รอด เราแจ้งให้ทราบ และช่วยให้รอด และเล่าให้ฟัง และก็ไม่มีพระเจ้าอื่นในหมู่พวกเจ้า และเจ้าทั้งหลายเป็นพยานของเรา" พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ "เราเป็นพระเจ้า มิหนำซ้ำตั้งแต่นี้ไปเราก็เป็นพระองค์นั้นอยู่ ไม่มีผู้ใดช่วยกู้จากมือของเราได้ เราประกอบกิจใดๆ ใครจะขัดขวางกิจการนั้นได้"

อสย 43:16-21 พระเจ้า ผู้ทรงสร้างทางในทะเล สร้างวิถีในน้ำที่มีอานุภาพ ผู้ทรงนำรถรบและม้า กองทัพ และนักรบออกมา เขาทั้งหลายนอนลงด้วยกัน และลุกขึ้นไม่ได้ เขาทั้งหลายศูนย์ไป และดับเสียเหมือนไส้ตะเกียง ตรัสดังนี้ว่า "อย่าจดจำสิ่งล่วงแล้วนั้น อย่าพิเคราะห์สิ่งเก่าก่อน ดูเถิด เรากำลังกระทำสิ่งใหม่ งอกขึ้นมาแล้ว เจ้าไม่เห็นหรือ เราจะทำทางในถิ่นทุรกันดาร และแม่น้ำในที่แห้งแล้ง สัตว์ป่าทุ่งจะให้เกียรติเรา คือ หมาป่า และนกกระจอกเทศ เพราะเราให้น้ำในถิ่นทุรกันดาร ให้แม่น้ำในที่แห้งแล้ง เพื่อให้น้ำดื่มแก่ชนชาติผู้เลือกสรรของเรา คือ ชนชาติที่เราปั้นเพื่อเราเอง เพื่อเขาจะถวายสรรเสริญเรา

อสย 43:23-26 เจ้ามิได้นำแพะแกะของเจ้ามาเป็นเครื่องเผาบูชาแก่เรา หรือให้เกียรติเราด้วยเครื่องสักการบูชาของเจ้า เรามิได้ให้เป็นภาระแก่เจ้าด้วยเรื่องเครื่องบูชา หรือให้เจ้าเหน็ดเหนื่อยด้วยเรื่องกำยาน เจ้ามิได้เอาเงินซื้ออ้อยให้เรา หรือให้เราพอใจด้วยไขมันของเครื่องสักการบูชาของเจ้า แต่เจ้าได้ให้เราเป็นภาระด้วยเรื่องบาปของเจ้า เจ้าให้เราเหน็ดเหนื่อยด้วยเรื่องความบาปผิดของเจ้า "เรา เราคือพระองค์นั้น ผู้ลบล้างความทรยศของเจ้าด้วยเห็นแก่เราเอง และเราจะไม่จดจำบรรดาบาปของเจ้าไว้ ๒๖. จงฟื้นความให้เราฟัง ให้เรามาโต้ด้วยกัน เจ้าจงให้การมา เพื่อจะพิสูจน์ว่า เจ้าถูก

สดด 50

๑. องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระเจ้าตรัส และทรงเรียกแผ่นดินโลก ตั้งแต่ที่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนถึงที่ดวงอาทิตย์ตก ๒. พระเจ้าทรงทอแสงออกมา จากศิโยนนครแห่งความงามหมดจด ๓. พระเจ้าของเราเสด็จมา พระองค์มิได้ทรงเงียบอยู่ เพลิงเผาผลาญมาข้างหน้าพระองค์ รอบพระองค์คือวาตะอันทรงมหิทธิฤทธิ์ ๔. พระองค์ทรงเรียกถึงฟ้าสวรรค์เบื้องบน และถึงแผ่นดินโลก เพื่อพระองค์จะทรงพิพากษาประชากรของพระองค์ว่า ๕. "จงรวบรวมบรรดาธรรมิกชนของเรามาให้เรา ผู้กระทำพันธสัญญากับเราด้วยเครื่องสัตวบูชา" ๖. ฟ้าสวรรค์ประกาศความชอบธรรมของพระองค์ เพราะพระเจ้านั่นแหละทรงเป็นผู้พิพากษา ๗. "ประชากรของเราเอ๋ย จงฟัง และเราจะพูด อิสราเอลเอ๋ย เราจะเป็นพยานปรักปรำเจ้า เราเป็นพระเจ้า พระเจ้าของเจ้า ๘. เรามิได้ตักเตือนเจ้าเรื่องเครื่องสัตวบูชาของเจ้า เครื่องเผาบูชาของเจ้ามีอยู่ต่อหน้าเราเสมอ ๙. เราจะไม่รับวัวผู้จากเรือนของเจ้า หรือแพะผู้จากคอกของเจ้า ๑๐. เพราะสัตว์ทุกตัวในป่าเป็นของเรา ทั้งสัตว์เลี้ยงบนภูเขาตั้งพันยอด ๑๑. เรารู้จักบรรดานกแห่งภูเขาทั้งหลาย และบรรดาสัตว์ในนาเป็นของเรา ๑๒. ถ้าเราหิว เราจะไม่บอกเจ้า เพราะพิภพ และสารพัดที่อยู่ในนั้นเป็นของเรา ๑๓. เรากินเนื้อวัวผู้หรือ หรือ ดื่มเลือดแพะหรือ ๑๔. จงนำเครื่องการโมทนาพระคุณ มาเป็นเครื่องสักการบูชาแด่พระเจ้า และแก้บนของเจ้าต่อองค์ผู้สูงสุด ๑๕. และจงร้องทูลเราในวันทุกข์ยากลำบาก เราจะช่วยกู้เจ้า และเจ้าจะถวายพระสิริแก่เรา" ๑๖. แต่พระเจ้าตรัสกับคนอธรรมว่า "เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะท่องกฎเกณฑ์ของเรา หรือรับปากตามพันธสัญญาของเรา ๑๗. เพราะเจ้าเกลียดวินัย และเจ้าเหวี่ยงคำของเราไว้ข้างหลังเจ้า ๑๘. ถ้าเจ้าเห็นโจร เจ้าก็คบเขา และเจ้าเข้าสังคมกับคนล่วงประเวณี ๑๙. "เจ้าปล่อยปากของเจ้าให้พูดชั่ว และลิ้นของเจ้าประกอบการหลอกลวง ๒๐. เจ้านั่งพูดใส่ร้ายพี่น้องของเจ้า เจ้านินทาลูกชายมารดาของเจ้าเอง ๒๑. เจ้าได้กระทำสิ่งเหล่านี้แล้ว เราก็นิ่งเงียบ เจ้าคิดว่าเราเป็นเหมือนเจ้า แต่บัดนี้เราขนาบเจ้า และกล่าวโทษเจ้า ๒๒. "เจ้าทั้งหลายผู้ลืมพระเจ้า จงพิจารณาเรื่องนี้ หาไม่เราจะฉีก และจะไม่มีสักคนที่ช่วยกู้เจ้าได้ ๒๓. บุคคลที่นำการโมทนาพระคุณ มาเป็นเครื่องสักการบูชา ก็ให้เกียรติแก่เรา เราจะสำแดงความรอดของพระเจ้า แก่ผู้จัดทางของเขาอย่างถูกต้อง"

 

ร้องเพลงโมทนาพระคุณเป็นเสียงเดียวกัน พระสิริลงมา 2 พศด 5:11-14 (1 พกษ 8:1-11)

และอยู่มา เมื่อปุโรหิตออกมาจากวิสุทธิสถาน ๑๓. พวกคนแตร และพวกนักร้องจะทำให้คนได้ยินเขาทั้งหลาย ร้องเพลงสรรเสริญ และเพลงโมทนาพระคุณเป็นเสียงเดียวกัน และเมื่อเขาร้องขึ้น พร้อมกับแตร และฉาบกับเครื่องดนตรีอย่างอื่นในการถวายสรรเสริญแด่พระเจ้าว่า "เพราะพระองค์ประเสริฐ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์" พระนิเวศ คือ พระนิเวศของพระเจ้าก็มีเมฆเต็มไปหมด ๑๔. จนปุโรหิตจะยืนปรนนิบัติไม่ได้ ด้วยเหตุเมฆนั้น เพราะพระสิริของพระเจ้าเต็มพระนิเวศของพระเจ้า

 

นมัสการพระเจ้าในพระวิหารตลอดชีวิต ลก 2:36-38

๓๖. ยังมีผู้เผยพระวจนะหญิงคนหนึ่งชื่ออันนา บุตรีฟานูเอลในเผ่าอาเซอร์ นางเป็นคนชรามากแล้ว มีสามีตั้งแต่สาวๆ และอยู่ด้วยกันเจ็ดปี ๓๗. แล้วก็เป็นม่ายมาจนถึงแปดสิบสี่ปี นางมิได้ไปจากบริเวณพระวิหารเลย อยู่นมัสการถืออดอาหาร และอธิษฐาน ทั้งกลางวันกลางคืน ๓๘. ในขณะนั้น ผู้หญิงคนนี้ก็เข้ามาโมทนาพระเจ้า และกล่าวถึงพระกุมารให้คนทั้งปวงที่คอยการทรงไถ่กรุงเยรูซาเล็มฟัง

which departed not from the temple, but served God with fastings and prayers night and day. แปลได้ว่า "ไม่ได้ออกไปจากพระวิหาร แต่ปรนนิบัติพระเจ้า ด้วยการ ถืออด และ อธิษฐาน ทั้งกลางคืนและกลางวัน"

 

มนุษย์ถูกสร้างขึ้น เพื่อพระเจ้า คส 1:16-17

๑๖. เพราะว่า ในพระองค์สรรพสิ่งได้ถูกสร้างขึ้น ทั้งในท้องฟ้า และที่แผ่นดินโลก สิ่งซึ่งประจักษ์แก่ตา และซึ่งไม่ประจักษ์แก่ตา ไม่ว่าจะเป็นเทวบัลลังก์ หรือเป็นเทพอาณาจักร หรือเป็นเทพผู้ครอง หรือศักดิเทพ สรรพสิ่งทั้งสิ้นถูกสร้างขึ้น โดยพระองค์ และเพื่อพระองค์ ๑๗. พระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนสรรพสิ่งทั้งปวง และสรรพสิ่งทั้งปวงเป็นระเบียบอยู่โดยพระองค์

ถ้าดูใน เอเฟซัส จะเห็นว่า เทวบัลลังก์ และอื่นๆที่กล่าวถึง คือ พวกอำนาจมืด

มนุษย์ถูกสร้างขึ้นเพื่อสรรเสริญพระเจ้า อสย 43:20-21 (ข้อพระคำ ดูข้างบน)

ลก 10:38-42 บอกให้ทราบว่า อยู่เบื้องพระพักตร์พระเจ้า เป็นความสำคัญอันดับแรก

เพราะแผ่นดินทั้งสิ้นเป็นของเรา อพย 19:5

แผ่นดินโลกกับสรรพสิ่งในนั้นเป็นของพระเจ้า ทั้งพิภพกับบรรดาผู้ที่อยู่ในพิภพนั้น สดด 24:1

และสารพัดที่อยู่ในนั้นเป็นของเรา สดด 50:12

ผู้เชื่อทุกคนเป็นปุโรหิตบริสุทธิ์ ปรนนิบัติพระเจ้า 1 ปต 2:5,9

จงมอบพระสิริซึ่งควรแก่พระนามของพระองค์แด่พระเจ้า จงนำเครื่องบูชามาเข้าเฝ้าพระองค์ จงประดับกายด้วยเครื่องบริสุทธิ์นมัสการพระเจ้า 1 พศด 16:29 คิงส์เจมส์เขียนไว้ดังนี้ Give unto the LORD the glory due unto his name: bring an offering, and come before him: worship the LORD in the beauty of holiness. ถ้าแปลเป็นไทยใหม่ได้ดังนี้ ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าต่อพระนามของพระองค์ ด้วยการ ถวายเครื่องบูชา และมาอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์ของพระองค์ ด้วยการ นมัสการพระเจ้าด้วยความบริสุทธิ์ที่งดงาม

ถวายสิ่งมีค่า เพื่อเป็นการนมัสการ มธ 2:11 เมื่อสามโหรา เข้ามาหาพระกุมารในรางหญ้า สามโหราก็นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า ด้วยของมีค่าที่สุดที่เขามี (ครั้นเข้าไปในเรือนก็พบกุมารกับนางมารีย์มารดา จึงกราบถวายนมัสการกุมารนั้น แล้วเปิดหีบหยิบทรัพย์ของเขา ออกมาถวายแก่กุมารเป็นเครื่องบรรณาการ คือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ)

ให้ทุกสิ่งที่หายใจ สรรเสริญพระเจ้า สดด 150:6

สดด 150 จงสรรเสริญพระเจ้า ๑. จงสรรเสริญพระเจ้าเถิด จงสรรเสริญพระเจ้า ในสถานนมัสการของพระองค์ จงสรรเสริญพระองค์ในพื้นฟ้าอันอานุภาพของพระองค์ ๒. จงสรรเสริญพระองค์ เพราะกิจการอันอานุภาพของพระองค์ จงสรรเสริญพระองค์ ตามความยิ่งใหญ่อย่างมากของพระองค์ ๓. จงสรรเสริญพระองค์ ด้วยเสียงแตร จงสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณเขาคู่ และพิณใหญ่ ๔. จงสรรเสริญพระองค์ ด้วยรำมะนา และการเต้นรำ จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเครื่องสาย และปี่ ๕. จงสรรเสริญพระองค์ ด้วยเสียงฉิ่ง จงสรรเสริญพระองค์ ด้วยเสียงฉาบ ๖. จงให้ทุกสิ่งที่หายใจ สรรเสริญพระเจ้า จงสรรเสริญพระเจ้าเถิด

คำเผยพระวจนะหลังเทศนา โดย อ.อัฉจรีย์ ประดิษฐ์งาม

กำลังแกะเทปอยู่

0