3 ก๊ก (The Three)
สารบัญหลัก (Content)
 

 

เทศนาโดย อ.สุเมธ วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2005

 
 
 
 

บรรดาทุกสรรพสิ่งนั้น มีพระเจ้า แต่ไม่ใช่ทุกสิ่ง รู้จักพระเจ้า

ในบรรดาสรรพสิ่ง ที่รู้จักพระเจ้า ไม่ใช่ทุกสิ่ง ที่เข้าใจพระเจ้า

ในบรรดาผู้คน ที่เข้าใจพระเจ้า ไม่ใช่ทุกคน พระเจ้าจะพอพระทัย

สามก๊ก หรือ สามฝ่าย ที่จริงใช้คำ ก๊ก นั้น ไม่บังควร(เพราะรวมถึงพระเจ้าด้วย ฝ่ายหนึ่ง) แต่ต้องการให้ผู้ฟัง เกิดการจำง่าย

ในทั้งหมดทุกสรรพสิ่ง หรือ ทั้งมวล หรือทั้งจักรวาล หรือทั้งสากลโลก แบ่งออกเป็น 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายพระเจ้า ฝ่ายซาตาน และฝ่ายมนุษย์

ฝ่ายพระเจ้า ประกอบด้วย พระเจ้าผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก (หมายรวมถึงตรีเอกานุภาพ) และ บรรดาทูตสวรรค์ของพระองค์

ฝ่ายซาตาน หรือ ฝ่ายลูซิเฟอร์ ประกอบด้วย ซาตาน , วิญญาณชั่วในสถานฟ้าอากาศ , วิญญาณชั่วต่างๆ , ผี , ศักดิเทพ , เทพผู้ครองพิภพ และ วิญญาณอื่นๆที่พระเจ้าไม่ได้ส่งมา(ทำการ)

ฝ่ายมนุษย์ คงไม่ต้องแจง ทุกสีผิวนั่นแหละ ไม่รวมลิง

ฝ่ายพระเจ้า เป็นฝ่ายที่มีอำนาจและฤทธานุภาพ มากที่สุด รองลงมาคือฝ่ายซาตาน อ่อนแอที่สุดก็คือมนุษย์ แต่เดี๋ยวก่อน มนุษย์ที่ยอมรับและใช้สิทธิอำนาจในพระนามพระเยซูคริสต์ คือผู้ที่มีฤทธิ์อำนาจ รองลงมาจากพระเจ้า และมีอำนาจเหนือฝ่ายซาตานทั้งหมด เพราะ ฤทธานุภาพทั้งสิ้น ในฟ้าสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดี ได้มอบไว้ให้แก่เราแล้ว และบัดนี้เราได้มอบฤทธานุภาพนั้นให้แก่เจ้า จงใช้สิทธิอำนาจนั้น ในนามของเรา (ดูท้ายบทหนังสือมัทธิว)

ทั้งสามฝ่าย มีความเป็นเสรี โดยปกติทั่วไป แต่ละฝ่ายไม่สามารถล่วงล้ำอีกฝ่ายได้ พระเจ้าจะไม่บีบบังคับซาตาน และพระเจ้าก็ไม่บีบบังคับมนุษย์ และฝ่ายซาตานและสมุนของมันก็ไม่สามารถบีบบังคับมนุษย์ได้ ยกเว้น มนุษย์ยอมทำตามคำแนะนำของมัน และมนุษย์มักไม่รู้ตัวว่า กำลังทำตามคำแนะนำหรือคำกระซิบของเหล่าวิญญาณชั่ว

ลำดับชั้นของฝ่ายซาตาน

อฟ 6:12 เพราะว่า เราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนัง และเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพ ในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ Ephesians 6:12 For we wrestle not against flesh and blood, but against principalities, against powers, against the rulers of the darkness of this world, against spiritual wickedness in high places.

ฝ่ายนี้ตัวหัวหน้าคือ ซาตาน หรือ ลูซิเฟอร์ , 2 รองลงมาคือ วิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ (spiritual wickedness in high places) , 3 เทพผู้ครองพิภพ ในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ (the rulers of the darkness of this world) , 4 ศักดิเทพ (powers) , 5 เทพผู้ครอง (principalities) ทุกอันเดิม s หมด ยกเว้น ซาตาน มีตนเดียว

มีศักดิ์และอำนาจ ตามลำดับชั้นลงมา พวกนี้เราถือว่าเป็นมารทั้งหมด หรือ ผี เป็นฝ่ายตรงข้ามกับเรา ในกรณีคนไล่ผี คือ คนเอาผีศักดิ์สูงกว่า มาขับไล่ ผีศักดิ์ต่ำกว่า ฝ่ายมารนี้มีการบังคับบัญชาเป็นลำดับชั้น แต่ว่าไม่มีวินัย ไม่มีระเบียบ เป็นกองทัพที่ระส่ำระสายง่าย

คำว่า high places (สังเกตว่าเติม s) หมายถึง สวรรค์ , สวรรค์มี 3 ชั้น (ดู 2 คร 12:2) ชั้นที่ 1 คือ ตั้งแต่พื้นโลก จนถึง ถึงชั้นบรรยากาศ (Atmospheric) , ชั้นที่ 2 คือ อวกาศ ชั้นที่ดวงดาวต่างๆอยู่ , ชั้นที่ 3 ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ตั้งได้ เป็นชั้นที่ พระเจ้าทรงประทับอยู่

ซาตาน สามารถขึ้นไปชั้นที่ 3 ได้ (ดูหนังสือโยบ) , วิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ น่าจะอยู่ในสวรรค์ชั้น 1 และ 2 (high places) , มารศักดิ์อื่นๆ จะอยู่ชั้นรองลงมา และอยู่บนพื้นโลก ในหนังสือวิวรณ์ตอนหนึ่งเขียนว่า มารตวัดหางเอาดวงดาว 1 ใน 3 ลงมาบนแผ่นดินโลก 1 ใน 3 เดิมทีเป็นทูตสวรรค์ ตกลงมาบนโลก เป็นฝ่ายวิญญาณชั่ว หรือ ผี , ทุกวันนี้ก็ยังมีทูตสวรรค์ของพระเจ้า แปรพักตร์มาเป็นฝ่ายวิญญาณชั่ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทูตตนนั้นๆเอง มีใจคิดชั่ว (ดูในหนังสือพงศาวดาร เรื่อง ผู้พยากรณ์มีคายา ทูตสวรรค์อาสาพระเจ้าทำชั่ว)

หนังสือ ดาเดียล 2:31-35 และดูเถิด มีปฏิมากรขนาดใหญ่ ปฏิมากรนี้มีฤทธิ์ และสุกใสยิ่งนัก ตั้งอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าพระบาท และรูปร่างก็น่ากลัว ๓๒. เศียรของพระปฏิมากรนี้เป็นทองนพคุณ อกและแขนเป็นเงิน ท้องและโคนขาเป็นทองสัมฤทธิ์ ๓๓. ขาเป็นเหล็ก เท้าเป็นเหล็กปนดิน ๓๔. ขณะเมื่อพระองค์ทอดพระเนตร มีหินก้อนหนึ่งถูกตัดออกมามิใช่ด้วยมือมนุษย์ กระทบปฏิมากรที่เท้าอันเป็นเหล็กปนดิน กระทำให้แตกเป็นชิ้นๆ ๓๕. แล้วส่วนเหล็ก ส่วนกระเบื้อง ส่วนทองสัมฤทธิ์ ส่วนเงิน และส่วนทองคำก็แตกเป็นชิ้นๆ พร้อมกัน กลายเป็นเหมือนแกลบจากลานนวดข้าวในฤดูร้อน ลมก็พัดพาเอาไป จึงหาร่องรอยไม่พบเสียเลย แต่ก้อนหินที่กระทบปฏิมากรนั้นกลายเป็นภูเขาใหญ่จนเต็มพิภพ Daniel 2:31 ... and behold a great image. This great image, whose brightness was excellent, stood before thee; and the form thereof was terrible. 2:32 This image's head was of fine gold, his breast and his arms of silver, his belly and his thighs of brass, 2:33 His legs of iron, his feet part of iron and part of clay. 2:34 Thou sawest till that a stone was cut out without hands, which smote the image upon his feet that were of iron and clay, and brake them to pieces. 2:35 Then was the iron, the clay, the brass, the silver, and the gold, broken to pieces together, and became like the chaff of the summer threshingfloors; and the wind carried them away, that no place was found for them: and the stone that smote the image became a great mountain, and filled the whole earth.

พระคำตอนนี้ ดาเนียลแก้พระสุบินของเนบูคัดเนสซาร์ ดาเดียลอธิบายความฝันนี้ เป็นอาณาจักรเป็นแผ่นดินโลก และ เราในปัจจุบัน ตีความอาจจะเป็นประเทศต่างๆ เหตุการณ์ต่างๆ บนโลกนี้ แต่ข้าพเจ้าจะอธิบายอีกด้านหนึ่งที่ไม่เคยมีใครกล่าวไว้ หรือหนังสือใดเขียนไว้ คือ ตีความทางฝ่ายวิญญาณ

ปฏิมากรนี้ หมายถึง ฝ่ายซาตานทั้งหมด เศียรของพระปฏิมากรนี้ คือ ซาตาน , อกและแขนเป็นเงิน เป็นมารพวกที่ 2 , ท้องและโคนขาเป็นทองสัมฤทธิ์ เป็นฝ่ายมารพวกที่ 3 , ขาเป็นเหล็ก เป็นมารพวกที่ 4 , เท้าเป็นเหล็กปนดิน เป็นมารพวกที่ 5 , พวกที่ 5 นี้ น่าจะคล้ายพวกพลทหาร เป็นพวกที่รบกวนมนุษย์ที่สุด , เหล็กปนกับดิน มันหล่อเข้ากันได้อย่างไร มันจึงแตกง่าย พวกนี้จึงไม่มีระเบียบวินัย เหมือนสุนัขป่าฝูงใหญ่ แตกกันง่าย มีหินก้อนหนึ่งถูกตัดออกมามิใช่ด้วยมือมนุษย์ หมายถึง พระเยซูคริสต์ พระองค์ถูกสร้างขึ้นมาด้วยพระหัตถ์ของพระบิดา หินก้อนนี้ สามารถทำลายมารพวกต่างๆได้

รูปแบบการสั่งบังคับมาร (บังคับฝ่ายตรงข้าม) หรือ ขับผี

ในคำสั่งต้องมีคำว่า ในพระนามพระเยซูคริสต์

จะพูด "ในพระนามพระเยซูคริสต์ " ก่อน หรือ หลัง ก็ได้ แต่โดยมากมักจะพูดไว้ตอนท้าย

ตัวอย่างเช่น "ในพระนามพระเยซูคริสต์ เราสั่งเจ้า ............................." หรือ "สั่ง .............. ในพระนามพระเยซูคริสต์ อาเมน" เป็นต้น

ส่วนประโยคคำสั่ง ต้องพูดด้วยความมั่นใจ ความเชื่อ น้ำเสียงที่มีอำนาจ ไม่ใช้ถ้อยคำที่เป็นการขอร้อง ตัวอย่าง "เราสั่งเจ้า โปรดออก ..." ไม่ได้ ควรพูดว่า "เราสั่งเจ้า จง ...."

ตัวอย่างเช่น "เราสั่งเจ้า ผีร้าย วิญญาณชั่วทุกตัวตน จงออกไปจากบ้านของเราเดี๋ยวนี้ ในพระนามพระเยซูคริสต์ อาเมน" มีกำหนดเวลาด้วย คือ เดี๋ยวนี้ ไม่ใช่เที่ยงคืนนี้ หรือ พรุ่งนี้

ข้อกำหนด หรือ ข้อห้าม ในการสั่ง

  • ห้ามคุยกับผี
  • อย่าสนใจคำพูดผี
  • ห้ามถามชื่อหรือประวัติของผี
  • ถ้าจำเป็นให้ถามได้แค่ชื่อ เพื่อใช้นำมาเรียกมัน และสั่งมัน

ห้ามคุยกับผี บางคนคิดว่า การคุยอาจสนุกดี หรือ เอาไว้ไปคุยอวดคนอื่น การสนทนากับผี อาจทำให้หลงกลผี หรือ อาจสงสาร หรือ อาจทำให้ลืมวิธีการขับผี ขั้นตอนตกหล่น อาจทำให้ขาดความมั่นใจในการขับ ขาดความเชื่อ ขาดความมั่นใจ เพราะผีคุยข่มไว้ตั้งแต่แรก

ข้อกำหนดหรือข้อห้ามนี้ วิเคราะห์และนำมาจากเหตุการณ์ ที่พระเยซูคริสต์ขับผี ในพระคัมภีร์ทั้งสิ้น

อย่าสนใจคำพูดผี ห้ามคุยด้วย แล้วยังต้องอุดหูตัวเองอีกด้วย อย่าไปฟังมัน บางคนคิดว่า มันอาจจะบอกหนทางร่ำรวยให้ก็ได้ ถ้าคุณสนใจคำพูดของมัน คุณก็อาจจะเผลอคุยกับมัน

ห้ามถามชื่อหรือประวัติของผี ทั้งสามประการ คือ ห้ามคุย อย่าสนใจ อย่าถามประวัติ ต้องการแยกเน้นให้ชัดเจน บางคนคิดว่า ถามประวัติผีเอาไว้ ไปบอกเล่าให้คนอื่นฟัง เพิ่มความเท่ห์ให้กับตนเอง

ถ้าจำเป็นให้ถามได้แค่ชื่อ เพื่อใช้นำมาเรียกมัน และสั่งมัน พระเยซูคริสต์พูดสั่งขับผีกอง ครั้งแรก มันไม่ยอมไป พระเยซูจึงถามมันว่า ชื่ออะไร มันบอกว่า ชื่อ "กอง" พระเยซูก็ไม่ได้พูดอย่างอื่นต่อ สั่งผี "กอง" จงออกไป (มก 5:9-12)

แนะนำให้ดูหนังเรื่อง "หมอผีเอ็กโซสิต" ภาคแรก มีสองคนที่ไปขับผีด้วยกัน คนหนุ่ม กับ คนแก่ คนแก่พยายามบอกคนหนุ่ม อย่าคุยกับมัน อย่าทุกอย่างที่เขียนบอกท่านไปแล้ว แต่คนหนุ่ม ทำทุกอย่างที่ห้ามไว้

ลำดับการสั่ง

  1. สั่งให้เงียบ และสั่งผูกมัดตัวนั้นๆ
  2. สั่งผูกมัดซาตาน และพวกของมัน
  3. สั่งให้มันออกไป อย่ากลับมาอีก

ลำดับการสั่ง มีความสำคัญมาก ถ้าท่านไม่แน่ใจว่า ได้เริ่มมา 1 2 3 หรือ ไม่ เพราะว่ามีคนช่วยกันขับผีหลายคน มั่วไปหมด ท่านก็เริ่มลำดับใหม่ก็ได้

ถ้าท่านไม่สั่งให้มันเงียบหรือผูกมัดมันก่อน มันก็จะพร้าน ดิ้นรน ส่งเสียง ไม่ยอมหยุด และไม่ฟังท่าน เพราะคนที่ช่วยกันขับ อาจมีหลายคน แต่ละคนอาจใช้วิธีที่แตกต่างกัน .

ขั้นที่ 1 สั่งให้เงียบ หรือ สั่งให้หยุด ถ้ามันกำลังดิ้นรน ตัวอย่างเช่น "เงียบ จงเงียบ จงหยุด ในพระนามพระเยซูคริสต์" อาจต้องพูดซ้ำๆ อยู่นาน จนมันเงียบหรือหยุด ก็มีความหวังว่า จะสั่งมันออกได้ ถ้ามันยังไม่เงียบ ไม่หยุด ก็แสดงว่า คำพูดของท่าน ไม่ศักดิ์สิทธิ์พอที่จะทำให้มันเชื่อฟัง

ขั้นที่ 2 เมื่อมันเงียบ หรือ หยุด แล้ว ก็สั่งผูกมันอำนาจของซาตาน และพวกของมัน เท่าที่ท่านนึกได้ เพื่อไม่ให้พวกมันช่วยเหลือกัน บางตัวอาจจะเป็นหัวหน้าของอ้ายตัวที่ท่านกำลังจะขับ ตัวอย่างเช่น "ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า สั่งผูกมันอำนาจของซาตาน สั่งผูกมันอำนาจของเทพผู้ครอง ศักดิเทพ เทพโมหะความมืดแห่งโลก สั่งผูกมันอำนาจของ เหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ สั่งผูกมันอำนาจของมารร้ายทุกตัวตน อำนาจของความมืด จงถูกผูกมัดทั้งสิ้น ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า เอเมน"

ขั้นที่ 3 สั่งให้มันออกไป อย่ากลับมาอีก สั่งให้มันออกไปจากคนๆนั้น และอย่ากลับมาอีก ต้องเข้าใจว่า วิญญาณไม่มีวันตาย วิญญาณผีก็เช่นกัน ดังนั้นสั่งฆ่ามัน หรือทำลายมัน ไม่มีประโยชน์ ส่วนใหญ่ข้าพเจ้าจะสั่งให้มันลงไปทะเลที่ลึก หรือ ลงไปอยู่ปากแดนผู้ตาย อย่ากลับมาอีก ตัวอย่างเช่น "ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า วิญญาณชั่ว จงออกไปจากร่างกายนี้ จงออกไปทุกตัวทุกตน จงไปลงในทะเลที่ลึก อย่ากลับมาอีก ไม่อนุญาติให้กลับมาอีก" อาจจะต้องสั่งอยู่นาน

จากประวัติที่ผู้รับใช้ทั่วโลกบันทึกไว้ อาจใช้เวลาเพียงแวบเดียว มันก็ไป หรือ บางกรณีอาจใช้เวลานานหลายชั่วโมง อาจต้องขับจากเช้าถึงเย็น บางกรณีอาจข้ามวัน แต่โดยเฉลี่ยน่าจะชั่งโมงเท่านั้น ผู้รับใช้ที่ชื่อ สมิทธ์ วิงเกิลเวิดท์ เป็นผู้รับใช้ที่ยิ่งใหญ่ชาวอังกฤษ เคยอธิษฐานให้คนตายฟื้นคืนชีพได้หลายคน ท่านเขียนในหนังสือของท่าน มีอยู่ครั้งหนึ่ง ต้องขับผีอยู่นานถึง 6 ชั่วโมง และอีกกรณีหนึ่ง อธิษฐานสั่งขับทุกอย่าง ทุกวิธี แล้วก็ยังไม่ออก สรรหาคำพูดมันสั่งไม่ได้แล้ว สุดท้ายชาวบ้านช่วยกัน พูดพร้อมกันอยู่ประโยคเดียว คือ "สรรเสริญพระเจ้า สรรเสริญพระเจ้า สรรเสริญพระเจ้า ....." สุดท้ายมันจึงออกไป

สั่งทูตสวรรค์ สั่งพระพร

ต้องมีคำว่า ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า เสมอ ตัวอย่างเช่น

"ทูตสวรรค์ วิญญาณผู้ปรนนิบัติ จงออกไปนำเงินและทอง มาสู่มือของเรา จำนวน .... ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า " "ธุรกิจการงานนี้ จงจำเริญขึ้น จงสำเร็จในวันนี้ ในพระนาม...." เป็นต้น นี่เป็นการสั่ง ถ้าเป็นการขอจากพระเจ้า ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

โปรดสังเกตว่า พระเจ้าพระบิดาทรงให้นาม องค์พระผู้เป็นเจ้า สั้นแล้ว คือ "เยซู" เราใช้คำว่า "ในพระนามพระเยซูคริสต์" ก็ยาวแล้ว อย่าทำให้ประโยคนั้นยาวโดยไม่จำเป็น เช่น ในพระนามสมเด็จพระมหาเยซูคริสต์ พระผู้เป็นเจ้า